กองทัพบก ประกอบพิธีศาสนา ในโอกาส วันกองทัพไทย

กองทัพบก ประกอบพิธีศาสนา ในโอกาส วันกองทัพไทย

กองทัพบก ประกอบพิธีทางศาสนา เนื่องในโอกาส วันกองทัพไทย ประจำปี 2564 โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานประกอบพิธี เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้โพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์ ถึงการประกอบพิธีศาสนา ในช่วงเวลา 8.00 น. ของวันจันทร์ที่ 18 มกราคม เนื่องในโอกาสวันกองทัพไทย โดยมีพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี

โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร มาประกอบพิธี จำนวน 10 รูป 

ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่พิธีทางศาสนา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา ได้ร่วมประกอบพิธีสักการะพระชัยมงคลภูมิ และพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ณ บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 จากนั้นจึงกระทำพิธีสงฆ์ ณ ห้องรับรอง 221 อาคาร 2 ชั้น 2 กองบัญชาการกองทัพบก วันที่ 18 มกราคม ของทุกปี ตรงกับวันกองทัพไทย (วันกองทัพบก) ถือเป็นวันที่รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย จึงเป็นวันสำคัญที่กำลังพลในกองทัพทุกนายจะได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ อันสำคัญยิ่งที่จะรักษาหวงแหน ปกป้องบ้านเมืองและสืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ท่าน เพื่อรักษาแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยสืบไป

นอกเหนือจากนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.มีหน้าที่ที่จะต้องจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพที่ดี มีมาตรฐานการผลิตระดับโลก มีประสิทธิผลในการลดการติดต่อ ป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต และที่สำคัญที่สุด จะต้องมีความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน และหลักการนี้ก็ยังดำรงอยู่อย่างมั่นคงตราบจนปัจจุบันนี้ พี่น้องประชาชนและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิดตามหลักการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้กำหนดไว้ภายในสิ้นปี2564 นี้โดยถ้วนหน้า ทั้งนี้ สธ. ได้หารือกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนหลักๆ ของโลกตั้งแต่กลางปี2563 ขณะนั้น ผู้ผลิตวัคซีนยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาวัคซีน หากอยากได้วัคซีนเร็ว จะต้องเสี่ยงในการพัฒนาร่วมกัน แต่หากไม่สำเร็จก็ถือเป็นความผิดพลาดทางการลงทุน สำหรับรัฐบาลไทย เงื่อนไขเช่นนี้ไม่ปรากฏอยู่ในระเบียบหรือข้อกำหนดภายใต้ พรบ.การจัดซื้อจัดจ้าง ทำไม่ได้ จะใช้ข้อยกเว้นเพื่อซื้อยาฉุกเฉินตาม พรบ.โรคติดต่อแห่งชาติ ก็ไม่ได้ เพราะต้องมีของให้ซื้อ ดังนั้น ไม่ใช่เสี่ยงจองในวัคซีนที่ยังผลิตไม่สำเร็จ

แจงสัญญาวัคซีน นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในสัญญาระบุว่าจะเริ่มทำการส่งตั้งแต่เดือนมิ.ย.64 เป็นต้นไป และส่งล็อตแรกก่อนกำหนดหนึ่งสัปดาห์ในเดือน พ.ค. นอกจากนั้น ทางผู้บริหารของแอสตร้าฯ ได้ตอบจดหมายท่านนายกฯ ว่า แอสตร้าฯ วางเป้าจะส่งวัคซีนทั้ง 61 ล้านโดสให้กับไทยภายในสิ้นปี 2564 นี้ ซึ่งเกิดจากการที่ท่านนายกฯ พยายามเจรจาทุกวิธีให้เร่งรัดการส่งวัคซีนที่เราสั่งทั้งหมดให้ได้ในสิ้นปีนี้ จึงไม่เกี่ยวกับข้อเสนอที่จะสั่งซื้อในปีหน้า เพราะโควิด-19 ยังไม่หมด เราต้องบูสเตอร์โดส(Booster Dose) ซึ่งแอสตร้าฯ กำลังผลิตอยู่ ดังนั้น ตราบใดที่เราใช้วัคซีนที่มีฐานผลิตในประเทศ เรามีความอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง โดยเป็นความชัดเจนว่า ผู้นำสูงสุดในการบริหารประเทศได้ใส่ใจและช่วยกันร้องขอให้มีการจัดส่งวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ไม่ได้ละเลยเพิกเฉย ล่าช้าหรือขาดความจริงใจตามที่ถูกกล่าวหา

หมอแล็บแพนด้า เผย ทำไมผู้ผลิตหมอชนะลาออก

หมอแล็บแพนด้า ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงสาเหตุว่า ทำไมผู้ผลิตหมอชนะลาออก ยกทีม  หมอแล็บแพนด้า หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับทีมผู้พัฒนาแอปฯหมอชนะ โดยหมอแล็บแพนด้าได้เปิดเผยว่า มีการสั่งให้แก้ให้ทุกคนเป็นสีเขียว หรือ เป็นกลุ่มไม่เสี่ยง แม้จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ตาม

โดยข้อความระบุว่า “จากที่ได้ฟังทีมพัฒนาแอปหมอชนะเล่ามานะครับ เรื่องราวมีประมาณว่า กลุ่มที่ออกแบบแอปหมอชนะมีอยู่ 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นทีมจิตอาสาเข้ามาช่วยกันต่อสู้โควิดที่ระบาดในบ้านเรา

กลุ่มแรก เป็นทีมงานรุ่นใหญ่ รุ่น Gen X เป็นทีมที่ออกแบบระบบโครงสร้างของแอป เซิร์ฟเวอร์ และการประมวลผลของแอป

กลุ่มที่สอง เป็นทีมงานรุ่นใหม่ Gen Y ที่ชื่อว่า code for public ทีมนี้จะช่วยกันทำในส่วนของตัวแอป เขียนแอปขึ้นมาเพื่อให้เราดาวน์โหลดนั่นแหละครับ

เดิมทีแอปนี้ถูกออกแบบให้แจ้งสถานะได้ว่าผู้ใช้มีความเสี่ยงแค่ไหน มีตั้งแต่ระดับไม่เสี่ยงเลยที่เป็นสีเขียว ไปจนถึง เหลือง ส้ม และติดเชื้อสีแดง เวลาที่เราไปอยู่ใกล้คนที่เขาเสี่ยง แอปนี้ก็จะเด้งเตือนขึ้นมา จะได้หลีกเลี่ยงได้ถูกเพราะเชื้อไวรัสมันอยู่ในตัวคน

แต่ทีนี้พอระยะหลังมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง ก็เริ่มมีหน่วยงานต่างๆเข้ามาขอแก้แอปให้ทุกคนเป็นสีเขียว ถ้ามีการติดเชื้อเดี๋ยวหน่วยงานจะสืบเองว่าใครบ้างที่เสี่ยงเป็นสีเหลือง สีส้ม กลายเป็นว่ามีแค่หน่วยงานที่รู้ว่าใครเสี่ยง แต่ประชาชนไม่รู้ ทำให้แอปนี้เกิดประโยชน์ต่อเฉพาะหน่วยงาน แต่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด ทำให้ผิดวัตถุประสงค์ของกลุ่มที่เขียนแอปขึ้นมา

ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทีมงานขอถอนตัวทั้งหมด และมอบแอปนี้ให้ทางการดูแล 100% แต่ก่อนจะส่งมอบ ทีมงานจะขอแก้ไขบักโปรแกรมให้ เช่น แอปกินทรัพยากรเยอะ เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ผมขอเอาใจช่วยให้ทุกฝ่ายให้คุยกันด้วยดี และทำงานแบบเป็นเอกภาพ ประชาชนจะได้มีความเชื่อมั่น เพราะประชาชนคนไทยน่ารัก เขาพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออยู่แล้วล่ะครับ”

แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี